นักพัฒนาเต็มรูปแบบ

BRAND'S BRAIN CAMP

นักพัฒนาเต็มรูปแบบ

ผู้สร้าง ดูแล และอัพเดทระบบของโปรแกรม เว็บไซต์ หรือแอพลิเคชั่น ทั้งส่วนเบื้องหน้า ซึ่งเป็นส่วนที่ติดต่อกับผู้ใช้งาน (Front-end) และส่วนระบบที่อยู่เบื้องหลัง (Back-end) ซึ่งเป็นส่วนของฐานข้อมูลและคำสั่งประมวลผล ให้ทำหน้าที่ตามต้องการ

Hand_coding_pana_f0393e6ce0
  • ทำงานทั้งในส่วนที่ติดต่อกับผู้ใช้งาน (Front-end) และส่วนระบบที่อยู่เบื้องหลัง (Back-end) โดยแต่ละด้านมีลักษณะงาน ดังนี้
    • งานส่วนที่ติดต่อกับผู้ใช้งาน (Front-end)
      • ทำให้หน้าตา ปุ่ม การจัดวางส่วนแสดงผลให้ผู้ใช้งานเป็นไปตามที่ผู้ออกแบบได้ออกแบบไว้ 
      • เชื่อมต่อข้อมูลกับระบบ ทั้งในการนำข้อมูลที่ได้จากผู้ใช้งานเข้าสู่ระบบ และการแสดงข้อมูลจากระบบให้ผู้ใช้งาน
    • งานส่วนระบบที่อยู่เบื้องหลัง (Back-end) 
      • ดูแลเรื่องข้อมูล จัดการข้อมูลที่ต้องการเก็บ แก้ไข ลบ
      • ดูแลระบบให้รองรับกับจำนวนผู้ใช้
  • ในองค์กรขนาดใหญ่ นักพัฒนาจะทำงานกันเป็นทีม
  • รับโจทย์หรือความต้องการของลูกค้า โดยนักพัฒนา (Developer) จะผู้รับโจทย์เองโดยตรงหากเป็นองค์กรเล็ก หรือรับโจทย์ผ่านผู้จัดการโครงการ (Project Manager / Product Manager) สำหรับองค์กรที่มีทีมขนาดใหญ่
  • ประเมินเวลา และวิธีการทำงาน
  • หาข้อมูลหรือเรียนรู้เพิ่มเติม (Research) หากเป็นโจทย์หรือปัญหาที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์หรือไม่เชี่ยวชาญ
  • ออกแบบระบบ และลงมือเขียน Code
  • ทดสอบและตรวจสอบการทำงานของระบบ (Test) โดยแบ่งเป็น 2 ระดับ คือ
    • ทดสอบภายใน (Internal Testing) ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดองค์กร โดยองค์กรขนาดเล็ก นักพัฒนา (Developer) อาจเป็นคนทดสอบระบบเอง ส่วนองค์กรที่มีทีมขนาดใหญ่ จะมีตำแหน่งผู้ทดสอบระบบ (Tester) โดยเฉพาะ เพื่อทดสอบหาข้อบกพร่อง (Bugs) หรือทดสอบการทำงานของระบบว่าเป็นไปตามที่ต้องการหรือไม่
    • ทดสอบโดยผู้ใช้จริง (User Testing) เพื่อทดสอบการใช้งานจากผู้ใช้ระบบ ว่าสามารถใช้งานได้ตามที่ได้ออกแบบไว้หรือไม่ 
  • แก้ไขปรับปรุงตามผล (Feedback) ที่ได้รับจากการทดสอบ จนกว่าจะไม่มีข้อบกพร่อง
  • ดูแลและช่วยแก้ไขปัญหา (Support) หลังการส่งมอบชิ้นงาน โดยขึ้นอยู่กับการตกลงหรือสัญญาจ้างว่าจะช่วยดูแลต่อไปอีกกี่เดือน (เช่น 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี เป็นต้น)

โดยทั่วไปในองค์กรขนาดใหญ่ที่มีครบทุกตำแหน่ง นักพัฒนาเต็มรูปแบบ (Full Stack Developer) มักได้ทำงานร่วมกับตำแหน่งต่าง ๆ ดังนี้

  1. ผู้ประกอบการ/เจ้าของบริษัท
  2. ผู้ดูแลโครงการ (Project Manager / Product Manager)
  3. นักออกแบบ (Designer)
  4. วิศวกรซอฟแวร์ (Software Engineer หรือ Software Technician) 
  5. ผู้ทดสอบระบบ (Tester)
  6. นักพัฒนาระบบอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ ทั้งในระบบแอปเปิ้ล และแอนดรอยด์ (iOS และ Android Developer)
  • เข้าทำงานที่ออฟฟิศเป็นบางวัน หรือทุกวันขึ้นอยู่กับองค์กรที่ทำงาน 
  • ทำงานวันละ 8 ชั่วโมง โดยเวลาการทำงานจะขึ้นอยู่กับองค์กรที่ทำงานเช่นกัน (เช่น อาจจะเป็น 10.00 – 19.00 น.)
  1. เป็นคนที่เรียนรู้ พัฒนาตนเอง และอัพเดทตลอดเวลา ทั้งในด้านความรู้ และเทคโนโลยี ต้องมีความรู้ที่กว้าง ครอบคลุมทุกแง่มุม
  2. มีทักษะการแก้ปัญหาที่ดี ทั้งการแก้ปัญหาหรือข้อบกพร่องในตัวโปรแกรม (Software Bug) และการแก้ปัญหาจากโจทย์หรือความต้องการที่ได้รับมา
  3. มีทักษะการสื่อสาร
  4. มีการวางแผนการคิดที่เป็นระเบียบ มีเหตุมีผล
  5. สามารถมองภาพและวางแผนระยะยาว จินตนาการถึงผลที่จะตามมาได้
  6. ชอบศึกษาเว็บหรือแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ที่ทำงานได้ดี มีการออกแบบใช้งานได้ง่าย สวยงาม
  7. ควรเปิดรับและรับฟังผู้อื่น เพราะมีแนวโน้มที่จะเจอความเห็นที่หลากหลาย ที่สำคัญคือต้องฟังเพื่อเข้าใจสิ่งที่ต้องการสื่อสารเพื่อเปรียบเทียบกับเป้าหมายของงาน ความต้องการของลูกค้า และสามารถสื่อสารกลับ อธิบายได้ว่าแนวคิดของเราคืออะไร เช่น เมื่อเขียน Code แต่มีคนอื่นให้ความเห็นว่าควรเขียนแบบอื่น หรือไม่ควรเขียนแบบที่เขียน
  8. ถ้ามีความถนัดในการคำนวณ หรือการวางแผน เช่น การวางแผนเกมหมากรุก หรือ โกะ อาจช่วยให้ทำงานได้ดี
  9. มีความรู้ในภาษาพื้นฐานของการเขียน code ต่าง ๆ เช่น HTML, CSS, JavaScript, Python เป็นต้น
  10. มีความรู้ในการจัดการข้อมูล ฐานข้อมูลประเภทต่าง ๆ และระบบรักษาความปลอดภัยของฐานข้อมูล รวมถึงการจัดเก็บข้อมูลผ่านระบบคลาวด์ (Cloud) หรือการเก็บข้อมูลบน Server เพื่อเรียกดูผ่านอินเทอร์เน็ตได้
  • ไม่จำเป็นต้องมีใบประกอบวิชาชีพ หรือวุฒิการศึกษาในการทำงาน สามารถใช้ตัวอย่างงานที่เคยทำ ตัวอย่าง Code ที่เคยเขียน ได้ 
  • อย่างไรก็ตาม หากเป็นบริษัทที่มีโครงสร้างองค์กรใหญ่ ๆ อาจต้องการวุฒิการศึกษา เพื่อการรับเข้าทำงานตามระเบียบบริษัท
  • ค่าตอบแทนที่เป็นเงินเดือน เริ่มต้นขึ้นอยู่กับองค์กรที่ทำงาน อาจเริ่มที่ประมาณ 18,000-25,000 บาท หรือ 25,000-35,000 บาท ที่เป็นองค์กรในเมือง หรือเป็นองค์กรต่างชาติ โดยค่าตอบแทนอาจสูงขึ้นไปหลักแสนบาทได้ เมื่อประสบการณ์และผลงานมีมากขึ้น
  • เส้นทางอาชีพ (Career Path) อาจเป็นไปตามลำดับขั้นดังนี้
    • นักพัฒนาขั้นเริ่มต้น (Junior Developer)
    • นักพัฒนาอาวุโส (Senior Developer)
    • ผู้นำทีม (Team Lead)
    • ผู้บริหารฝ่ายเทคโนโลยี (Chief Technology Officer)
  • นักพัฒนาที่มีประสบการณ์มากขึ้นยังสามารถขยับไปทำงานเป็น สถาปนิกโครงสร้าง (Software Architect) ได้
  • สัดส่วนคนเรียนจบและทำงานตรงสายที่เรียนมาประมาณ 50% เพราะระหว่างเรียนได้ค้นพบว่าไม่ใช่สิ่งที่สนใจ อย่างไรก็ดีความต้องการวิชาชีพนี้เป็นที่ต้องการของตลาดสูง ผู้ที่เรียนจบวิชาชีพนี้โดยตรงมักไม่มีใครตกงาน และมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนงานในช่วง 1-2 ปีแรก เพื่อเงินเดือนที่สูงขึ้น ซึ่งมีบริษัทพร้อมจะรับเสมอ
  • องค์กรมักมีเงินสนับสนุนให้ไปเรียนคอร์สเพิ่มความรู้ ร่วมสัมนาเกี่ยวกับเทคโนโลยีต่าง ๆ
  • เป็นอาชีพที่ได้รับความภูมิใจในการมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ซึ่งเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับหลากหลายสาขา และอาจเป็นงานที่สร้างประโยชน์ให้กับสังคม หรือมีผลกระทบกับชีวิตคนได้ เช่น การใช้ AI ช่วยทำหลาย ๆ อย่างในสาขาการแพทย์ อย่างการวิเคราะห์โรค หรือระบบ (Platform) การสั่งอาหาร ที่ทำให้เกิดโอกาสในการประกอบอาชีพเพิ่มเติมได้มากมาย หรือแอปพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือที่ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น
  • พัฒนาการของเทคโนโลยี หรือปัญญาประดิษฐ์ ไม่น่ามีผลกระทบกับอาชีพนี้ เนื่องจากเป็นผู้ที่สร้างและฝึก AI ให้ทำงานได้ และทำงานได้ดีขึ้น
  • ความท้าทาย คือ ต้องเรียนรู้ใหม่เสมอ ตามเทคโนโลยีให้ทันตลอดเวลา และต้องสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ภายใต้ความกดดันได้
  • อาจมีปัญหาทางสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจบ้าง ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเอง เช่น ปัญหาออฟฟิศซินโดรม ใช้ความคิดมากจนนอนไม่หลับ เป็นต้น
  • อาจมีบางครั้งที่ต้องทำงานในช่วงเวลากลางคืนหรือวันหยุด ขึ้นอยู่กับการตกลงกับองค์กรที่ทำงานด้วย

udemy

https://www.udemy.com/ เป็นเว็บที่สอนวิธีการและเทคนิคในการเขียนโปรแกรม เสิร์ชหา Full Stack Developer 

https://www.udemy.com/courses/search/?q=full+stack+developer&src=sac&kw=developer 


 

udacity

https://www.udacity.com/ เป็นเว็บเรียนออนไลน์เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะของอาชีพสายไอทีและนักพัฒนา 

https://www.udacity.com/online-learning-for-individuals?irclickid=xQ4yPORu0xyNTXZWS40cQzY2UkA10P2xPWqHXA0&irgwc=1&utm_source=affiliate&utm_medium=&aff=2530871&utm_term=&utm_campaign=__63ca211ddec2df0346df7d7e&utm_content=&adid=786224

มัธยมศึกษาตอนปลาย

  • วิทย์-คณิต
  • บางสถาบันเปิดรับทุกสายการเรียน วุฒิจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า

 

ปริญญาตรี เช่น

  • คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ 
  • คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์
  • คณะเทคโนโลยีดิจิทัล สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
  • คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม สาขาวิชาวิศวกรรมเครือข่ายคอมพิวเตอร์
  • คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ 

 

ปริญญาโท เช่น

  • หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์

 

ปริญญาเอก เช่น

  • หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์

 

*ข้อมูล ณ ปี 2567