ทันตแพทย์

BRAND'S BRAIN CAMP

ทันตแพทย์

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านฟันและช่องปาก ผู้ตรวจและรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับช่องปากด้วยการศัลยกรรม ซึ่งเป็นการทำงานด้านศิลปะและด้านการแพทย์ควบคู่กัน

Oral_care_amico_d7bafb6fda
  • รักษาปัญหาที่เกิดขึ้นกับช่องปากของคนไข้จนหายขาด ด้วยการใช้ยาหรือศัลยกรรม โดยจะเลือกวิธีการที่จะทำให้คนไข้เจ็บตัวน้อยที่สุด และทำให้ช่องปากของคนไข้กลับมาทำงานได้ตามปกติได้มากที่สุด
  • ซักประวัติ และประเมินเคสว่าสภาพช่องปากเป็นอย่างไร ควรต้องทำการศัลยกรรมตกแต่ง จัดฟัน อุด ถอน ใส่ฟันปลอม ฯลฯ
  • ทำการดูแลรักษาช่องปากของคนไข้ ซึ่งจะมีผู้ช่วยทันตแพทย์คอยช่วยหยิบจับอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ 
  • ให้คำแนะนำเรื่องการดูแลรักษาช่องปาก และนัดหมายการตรวจฟันและช่องปากครั้งต่อไป
  • กรณีที่คนไข้มีอาการผิดปกติมากเกินกว่าที่จะรักษาได้ในทันที ต้องเอ็กซเรย์ความผิดปกติแล้วส่งให้แพทย์ผู้ชำนาญการดูแล หรือหากเป็นกรณีร้ายแรง จะต้องเข้าที่ประชุมและหาทางแก้ไขไปพร้อมๆ กัน
  • ผู้ช่วยทันตแพทย์ ช่วยส่งเครื่องมือ ผสมวัสดุทางทันตกรรม ปั่นอะมัลกัม (Amalgam -โลหะผสมที่ได้จากการผสมระหว่างปรอทกับโลหะอื่นๆ) ปรับไฟส่องช่องปาก ล้างเครื่องมือ แพ็ค นึ่ง เช็กสต๊อกวัสดุ 
  • แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านที่ใกล้เคียงกัน เนื่องจากบางครั้งปัญหาช่องปากอาจไม่ได้เกิดจากฟันเท่านั้น ทันตแพทย์จึงต้องส่งต่ออาการนั้นๆ ให้กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่าจะต้องดำเนินงานอย่างไรต่อไป
  • มีทั้งในโรงพยาบาลและคลินิกส่วนตัว โดยการทำงานในโรงพยาบาลจะได้เจอผู้คนเยอะกว่า (ทั้งที่มาทำฟันและมาทำการรักษาในด้านอื่นๆ) แต่หากมีคลินิกเป็นของตัวเองหรือทำงานในคลินิก จะเจอคนไข้เฉพาะที่มาเพื่อทำฟันเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่มาเพราะมีนัด โดยสิ่งที่เหมือนกันก็คือ เป็นอาชีพที่ต้องทำงานอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมพื้นที่เล็กๆ แวดล้อมด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ในการทำฟันต่างๆ
  • ทำงานสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง และอาจต้องทำงานวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย ขึ้นอยู่กับตารางการทำงานหรือตารางเข้าเวร (ไม่มีการเข้าเวรในตอนกลางคืนเหมือนกับแพทย์รักษาโรคอื่นๆ นอกเสียจากจะทำในคลินิกที่มีการทำงาน 24 ชั่วโมง)
  • เป็นคนใจเย็น เพราะทำงานในส่วนที่ละเอียดอ่อนและบอบบาง หากใจร้อนอาจจะทำให้ช่องปากของคนไข้เป็นแผลใหญ่ รักษายาก และบาดเจ็บได้ง่าย
  • เป็นคนที่อัธยาศัยดีและมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี สามารถพูดคุยกับคนไข้ให้ลดความวิตกกังวลหรือกลัวที่จะรับการรักษา ทำให้คนไข้เชื่อใจและเชื่อมั่นในความสามารถของแพทย์
  • ชอบเรียนรู้ และค้นหาความรู้ใหม่ๆ ให้กับตัวเองอยู่เสมอ
  • สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างดี
  • มีความกล้าที่จะตัดสินใจ กล้าลงมือทำ เพราะอาชีพหมอนั้นเกี่ยวข้องกับชีวิตคน เมื่อเห็นอาการแล้วเราจะต้องรู้ได้ในทันทีว่าจะต้องทำการรักษาอย่างไรบ้าง เพื่อให้คนไข้หายจากอาการได้เร็วที่สุด
  • มีความรู้ทั้งด้านศาสตร์และศิลป์ เพราะการทำฟันต้องทำออกมาให้เหมือนจริงและเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นความพอดีกับช่องปาก สภาพฟัน ขนาด หรือสีของฟัน รวมถึงความแข็งแรงในการใช้งาน
  • ทันตแพทย์ต้องเรียนพื้นฐานของแพทย์ให้จบก่อน จึงจะสามารถเข้าศึกษาความรู้ด้านทันตแพทยศาสตร์ได้  โดยอาจแบ่งเป็นการเรียนตามชั้นปีคร่าวๆ ได้ดังนี้
  •  ปี 1 มักจะเป็นการเรียนวิชาพื้นฐาน ได้แก่ ฟิสิกส์ ชีววิทยา(Bio) เคมี ภาษาอังกฤษ และอื่นๆ โดยเนื้อหาจะเข้มข้นมากกว่าระดับมัธยม มีห้องทดลองให้ทำแบบสมจริง ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการเรียนทันตแพทย์
  •  ปี 2 จะเริ่มได้เรียนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สุขภาพมากขึ้น ทั้งกายวิภาคศาสตร์ ประสาทวิทยา ระบบการทำงานของร่างกายมนุษย์ เภสัชวิทยา (แต่ไม่ละเอียดเท่าแพทย์) ต้องเรียนส่องดูเซลส์ และเรียนเกี่ยวกับสิ่งที่ผิดปกติของเซลส์ เชื้อโรคต่างๆ และเรียน Dental Anatomy
  •  ปี3 เรียนเกี่ยวกับความผิดปกติในช่องปาก เครื่องมือของหมอฟัน วัสดุที่หมอฟันใช้ การอุดฟัน การถอนฟัน การผ่าฟันคุด การฉีดยาชา การทำฟันเด็ก การจัดการพฤติกรรมเด็ก การทำฟันปลอม การถ่ายเอ็กซเรย์ท่าต่างๆ ทั้งนอกช่องปากและถ่ายในช่องปาก การขูดหินปูน ทั้งภาคทฤฎีและภาคปฏิบัติ
  •  ปี 4 เทอม 2 เริ่มขึ้นคลินิกรักษาผู้ป่วยจริงภายใต้การดูแลและวางแผนการรักษาของอาจารย์ทันตแพทย์อย่างใกล้ชิด
  •  ปี 6 (ปีสุดท้าย) นำองค์ความรู้ที่เรียนไปฝึกปฏิบัติตามชุมชนต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้คนในชุมชนมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ และจะถูกส่งไปอยู่ฝ่ายทันตกรรมโรงพยาบาล เพื่อศึกษาดูงาน และฝึกงานการทำงานร่วมกับแพทย์ เภสัชกร พยาบาล
  • เมื่อเรียนจบ ทันตแพทย์จะประจำอยู่โรงพยาบาลของรัฐ สถานพยาบาล ศูนย์อนามัยของกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ของกระทรวงสาธารณสุขเป็นเวลา 2 ปี หากใช้ทุนครบแล้วจะทำงานประจำต่อในหน่วยงานของรัฐ, ศึกษาต่อในระดับปริญญาโท-เอก, เป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย หรือประกอบอาชีพอิสระคลีนิครักษาเป็นส่วนตัว ทำงานในโรงพยาบาลเอกชนก็ได้ ซึ่งจะได้เลื่อนขั้นและเลื่อน    ตำแหน่งตามระเบียบของทางราชการหรือหน่วยงานที่สังกัด
  • เป็นอาชีพเฉพาะทางที่มีความมั่นคง เป็นที่ต้องการของสังคมทั้งในด้านเพื่อรักษาช่องปาก และดูแลเพื่อความสวยงาม
  • ค่าตอบแทน อาจอยู่ที่ประมาณ 40,000 – 80,000 บาทต่อเดือน ครอบคลุมเงินเดือน ค่าใบประกอบวิชาชีพ ค่าเบี้ยเลี้ยงในถิ่นทุรกันดาร ค่าไม่ทำเวชปฏิบัติ (สำหรับหมอฟันที่ไม่ทำคลินิกเอกชนระหว่างที่ใช้ทุน) ทั้งนี้จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับระเบียบค่าตอบแทนของหน่วยงานที่สังกัด
  • หมอฟันลงจอ https://www.youtube.com/channel/UCRShQW2mJxHESy3fFNorI4A

มัธยมศึกษาตอนปลาย

  • สายวิทย์-คณิต
  • (ปัจจุบันมีโอกาสสำหรับนักเรียนทุกสายการเรียน แต่จำเป็นต้องมีความรู้และทักษะ สามารถสอบวัดระดับและผ่านเกณฑ์คัดเลือกต่างๆ ตามที่กำหนดด้วย)

 

ปริญญาตรี เช่น

  • คณะทันตแพทยศาสตร์ 
  • วิทยาลัยทันตแพทยศาสตร์
  • สำนักวิชาทันตแพทยศาสตร์

 

ปริญญาโท เช่น

  • หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต ทันตกรรมบดเคี้ยวและความเจ็บปวดช่องปากใบหน้า
  • หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต ทันตกรรมบูรณะเพื่อความสวยงามและทันตกรรมรากเทียม
  • หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขาวิชาทันตกรรมบูรณาการ
  • หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาทันตกรรมสำหรับเด็ก
  • หลักสูตรการฝึกอบรมทันตแพทย์ประจำบ้าน สาขาทันตกรรมหัตถการ

 

ปริญญาเอก เช่น

  • หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ช่องปาก
  • หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพช่องปาก ทันตกรรมประดิษฐ์
  • หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพช่องปาก ศัลยศาสตร์ช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล
  • หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพช่องปาก ทันตกรรมสาธารณสุข
  • หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพช่องปาก ทันตกรรมจัดฟัน

 

*ข้อมูล ณ ปี 2567